บก.ปทส. เลขที่ 61 ถ.พหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.10900
ตำรวจ ปทส. : โทร.สายด่วน 1136
วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556
อำนาจหน้าที่ บก.ปทส.
อำนาจหน้าที่รับผิดชอบ ของ บก.ปทส.
อำนาจหน้าที่
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
๑. รักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั่วราชอาณาจักร
๒. ปฏิบัติงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และกฎหมายอื่นอันเกี่ยวกับความผิดทางอาญาเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และความผิดอื่นที่เกี่ยวเนื่อง
๓. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย
[ กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการฯ ข้อ ๒ (๑๓) (ช) และ ข้อ ๓ ๒.(๑๒)(ช) ดาวน์โหลด ]
เขตพื้นที่รับผิดชอบ
ประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดหน่วยงานและเขตอำนาจการรับผิดชอบหรือเขตพื้นที่การปกครองของส่วนราชการ ลงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๒ ปรากฏ ดังนี้
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีเขตอำนาจการรับผิดชอบหรือเขตพื้นที่การปกครอง ทั่วราชอาณาจักร
กองกำกับการ ๑ มีเขตอำนาจการรับผิดชอบหรือเขตพื้นที่การปกครอง กรุงเทพมหานคร
กองกำกับการ ๒ มีเขตอำนาจการรับผิดชอบหรือเขตพื้นที่การปกครอง ตำรวจภูธรภาค ๑ ตำรวจภูธรภาค ๒
กองกำกับการ ๓ มีเขตอำนาจการรับผิดชอบหรือเขตพื้นที่การปกครอง ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรภาค ๔
กองกำกับการ ๔ มีเขตอำนาจการรับผิดชอบหรือเขตพื้นที่การปกครอง ตำรวจภูธรภาค ๕ ตำรวจภูธรภาค ๖
กองกำกับการ ๕ มีเขตอำนาจการรับผิดชอบหรือเขตพื้นที่การปกครอง ตำรวจภูธรภาค ๗ ตำรวจภูธรภาค ๘
กองกำกับการ ๖ มีเขตอำนาจการรับผิดชอบหรือเขตพื้นที่การปกครอง ตำรวจภูธรภาค ๙ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้
กลุ่มงานสอบสวน มีเขตอำนาจการรับผิดชอบหรือเขตพื้นที่การปกครอง ทั่วราชอาณาจักร
[ ประกาศ ตร.เรื่องกำหนดหน่วยงานและเขตอำนาจฯ บัญชีท้าย หน้า ๓๕๗ ดาวน์โหลด ]
วิสัยทัศน์ (Vision)
“เป็นหน่วยงานหลักของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยความเชี่ยวชาญอย่างมืออาชีพ รวมถึงการอำนวยความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์”
พันธกิจ (Mission)
1.ถวายความปลอดภัยสำหรับพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์
2.บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างมีประสิทธิภาพ
3. อำนวยความยุติธรรมด้านงานสอบสวนด้วยความเชี่ยวชาญ รวดเร็ว รอบคอบ รัดกุม และเป็นธรรม
4. ช่วยเหลืออำนวยความสะดวกและให้ความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
ค่านิยมหลักขององค์กร (Core Value)
“มุ่งมั่น ศรัทธา กล้าหาญ ร่วมมือ ซื่อสัตย์”
“Concentrate Faith Brave Cooperate Loyalty”
ยุทธศาสตร์ (Strategy)
ประวัติ บก.ปทส.
ประวัติความเป็นมา ของ บก.ปทส.
ในอดีตกาลนั้น การทำไม้ในประเทศไทยมิได้มีการควบคุมกันโดยใกล้ชิดเช่นในปัจจุบัน โดยในปี พ.ศ.๒๔๓๙ รัฐบาลได้ตั้งกรมป่าไม้ขึ้นให้มีหน้าที่ในการควบคุมการ ทำไม้ในประเทศ แต่การป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้โดยมิชอบด้วยกฎหมายก็มิได้เข้มงวด กันอย่างจริงจัง เนื่องจากในขณะนั้นป่าไม้ของเมืองไทย ยังมีสภาพที่อุดมสมบูรณ์มาก ชาวบ้านราษฎรในท้องที่ ที่มีป่าไม้ผู้ใดจะต้องการไม้เพื่อสร้างบ้านเรือนอยู่ อาศัย ก็ไปตัดไม้มาทำการแปรรูปสร้างบ้านโดยมักไม่มีการจับกุม การควบคุมป่าก็เพียงควบคุมให้ผู้ทำไม้ ทำไม้ไปตามหลักวิชาการ โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ไปทำการคัดเลือกไม้ให้เสียก่อน เพื่อที่จะได้สงวนไม้ที่ยังไม่ได้ขนาดตัดฟันเหลือไว้เป็นพันธุ์ไม้เจริญเติบโตได้ขนาดต่อไป ครั้นต่อมาชาวบ้านราษฎรมีความต้องการใช้ไม้จำนวนสูงขึ้น และมีราคาดีสามารถที่จะทำเป็นสินค้าได้ จึงมีการลักลอบตัดฟันมากขึ้นตามลำดับ การป้องกันและปราบปรามของเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งการ ลักลอบตัดไม้ลงได้ ซึ่งแม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรในพื้นที่ที่มีอำนาจในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ตามกฎหมายก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้มากนัก เนื่องจากมีงานด้านอื่นๆ ที่จะต้องรับผิดชอบดำเนินการอยู่มาก
ในปี พ.ศ.๒๔๙๙ กรมตำรวจจึงได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการ ลักลอบตัดไม้ทำลายป่าขึ้น เป็นแผนกป่าไม้ สังกัด กองกำกับการ ๓ กองปราบปราม ทำหน้าที่สนับสนุนช่วยเหลือและประสานงานกับกรมป่าไม้ การดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจแม้จะมีจำนวนน้อยแต่ก็ได้ผลเป็นที่พอใจ จนกระทั่งในสมัยรัฐบาล จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีและดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจ ในปี พ.ศ.๒๕๐๓ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของป่าไม้อันเป็นทรัพยากรที่สำคัญยิ่งว่าอาจถูกลอบ ทำลายลงได้อีก ควรสงวนไว้เป็นมรดกของชนรุ่นหลัง จึงได้ให้กรมตำรวจเสนอโครงการ ตั้งกองตำรวจป่าไม้ต่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีการร่วมกันประชุมพิจารณาโครงการและรับหลักการที่จะตั้งกองตำรวจป่าไม้ ขึ้นในปีเดียวกันนี้ โดยให้เบิกจ่ายเงินงบประมาณ จากกองการเงิน กรมตำรวจ ทั้งนี้ โดยได้มีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย จัดตั้งกองตำรวจป่าไม้ขึ้นมาฐานะเป็น “กองบังคับการ” ขึ้นตรงในปกครองบังคับบัญชาต่อ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และในปี พ.ศ.๒๕๐๔ ได้โอนเงินงบประมาณมาตั้งเบิกจ่ายทางกองคลัง กรมป่าไม้ แต่ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๑๘ ก็ได้กลับไปตั้งเงินงบประมาณเบิกจ่ายจากกองการเงินกรมตำรวจเช่นเดิม
กองตำรวจป่าไม้ ได้ปฏิบัติภารกิจในการป้องกันปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายว่า ด้วยการป่าไม้อย่างมีประสิทธิภาพมาโดยตลอด รวมทั้งได้ครอบคลุมไปถึงการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายของรัฐบาล เช่น การกระทำผิดเกี่ยวกับการบุกรุก ทำลายป่า และทำให้เสื่อมสภาพในที่ดินของรัฐ ความผิดเกี่ยวกับแร่ และอื่นๆ แม้ในบางยุคได้มีแนวคิดที่จะถ่ายโอนภารกิจให้กับกรมป่าไม้เนื่องจากเห็นว่าไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของตำรวจ แต่ที่สุดในการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม ทั้งระบบ ตามนโยบายของรัฐบาล กรมตำรวจซึ่งเดิมสังกัดกระทรวงมหาดไทย ได้ปรับเปลี่ยนเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขึ้นการบังคับบัญชาโดยตรงต่อนายกรัฐมนตรี ได้มีการรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตำรวจมาชำระและตราขึ้นเป็น พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ๒๕๔๗ และได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการหน่วยงานระดับกองบัญชาการ และกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการระดับกองบังคับการ “กองตำรวจป่าไม้” จึงได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเป็น “ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตั้งแต่วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๘ และต่อมาได้ทำการปรับปรุงแก้ไขโครงสร้างอีกครั้ง ซึ่งได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างเป็น “กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๒ เป็นต้นมา
ในปี พ.ศ.๒๔๙๙ กรมตำรวจจึงได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการ ลักลอบตัดไม้ทำลายป่าขึ้น เป็นแผนกป่าไม้ สังกัด กองกำกับการ ๓ กองปราบปราม ทำหน้าที่สนับสนุนช่วยเหลือและประสานงานกับกรมป่าไม้ การดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจแม้จะมีจำนวนน้อยแต่ก็ได้ผลเป็นที่พอใจ จนกระทั่งในสมัยรัฐบาล จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีและดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจ ในปี พ.ศ.๒๕๐๓ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของป่าไม้อันเป็นทรัพยากรที่สำคัญยิ่งว่าอาจถูกลอบ ทำลายลงได้อีก ควรสงวนไว้เป็นมรดกของชนรุ่นหลัง จึงได้ให้กรมตำรวจเสนอโครงการ ตั้งกองตำรวจป่าไม้ต่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีการร่วมกันประชุมพิจารณาโครงการและรับหลักการที่จะตั้งกองตำรวจป่าไม้ ขึ้นในปีเดียวกันนี้ โดยให้เบิกจ่ายเงินงบประมาณ จากกองการเงิน กรมตำรวจ ทั้งนี้ โดยได้มีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย จัดตั้งกองตำรวจป่าไม้ขึ้นมาฐานะเป็น “กองบังคับการ” ขึ้นตรงในปกครองบังคับบัญชาต่อ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และในปี พ.ศ.๒๕๐๔ ได้โอนเงินงบประมาณมาตั้งเบิกจ่ายทางกองคลัง กรมป่าไม้ แต่ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๑๘ ก็ได้กลับไปตั้งเงินงบประมาณเบิกจ่ายจากกองการเงินกรมตำรวจเช่นเดิม
กองตำรวจป่าไม้ ได้ปฏิบัติภารกิจในการป้องกันปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายว่า ด้วยการป่าไม้อย่างมีประสิทธิภาพมาโดยตลอด รวมทั้งได้ครอบคลุมไปถึงการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายของรัฐบาล เช่น การกระทำผิดเกี่ยวกับการบุกรุก ทำลายป่า และทำให้เสื่อมสภาพในที่ดินของรัฐ ความผิดเกี่ยวกับแร่ และอื่นๆ แม้ในบางยุคได้มีแนวคิดที่จะถ่ายโอนภารกิจให้กับกรมป่าไม้เนื่องจากเห็นว่าไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของตำรวจ แต่ที่สุดในการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม ทั้งระบบ ตามนโยบายของรัฐบาล กรมตำรวจซึ่งเดิมสังกัดกระทรวงมหาดไทย ได้ปรับเปลี่ยนเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขึ้นการบังคับบัญชาโดยตรงต่อนายกรัฐมนตรี ได้มีการรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตำรวจมาชำระและตราขึ้นเป็น พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ๒๕๔๗ และได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการหน่วยงานระดับกองบัญชาการ และกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการระดับกองบังคับการ “กองตำรวจป่าไม้” จึงได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเป็น “ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตั้งแต่วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๘ และต่อมาได้ทำการปรับปรุงแก้ไขโครงสร้างอีกครั้ง ซึ่งได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างเป็น “กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๒ เป็นต้นมา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)